การเรียกร้องเชิญชวนของบรรดานะบี
บรรดานะบีและเราะซูล ได้เรียกร้องเชิญชวนไปสู่การให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์
ที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง สิ่งแรกที่พวกเขาเรียกร้องเชิญชวนหมู่คณะ และใช้เวลาทั้งหมด เพื่อปลูกฝังความหมายของการให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์
ลงไปในชีวิตของประชาชาติพวกเขา ซึ่ง อัลลอฮ์
ทรงตรัสว่า :







(อัลอันบิยาอฺ : 25)






(ฟุซซิลัต : 14)
เป้าหมายของการให้เอกภาพ ที่บรรดาเราะซูลเรียกร้องนั้น คือ การให้เอกภาพที่สมบูรณ์ทั้งสามประเภท ;
1. การให้เอกภาพ (เตาฮีด อัร รุบูบียะฮ์) คือ การเชื่อว่า อัลลอฮ์
เพียงผู้เดียวที่เป็นผู้ทรงสร้าง และบริหารจัดการโลก

2. การให้เอกภาพในเรื่องพระนาม และลักษณะต่างๆ (เตาฮีด อัล อัซมาอ์ วัซซิฟาติ)คือ การเชื่อว่า อัลลอฮ์
เป็นผู้ที่มีลักษณะแห่งความสมบูรณ์ ปราศจากความบกพร่อง เขาจะให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์
ซึ่งสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดด้วยพระองค์เอง และสิ่งที่เราะซูลได้แจ้งให้ทราบจากพระนาม และลักษณะต่างๆของพระองค์


3. การให้เอกภาพ ในเรื่องของการเคารพภักดี(*1*) (เตาฮีด อัล อุรูฮียะฮ์) คือ การให้เอกภาพที่บรรดาเราะซูลได้เรียกร้องสู่การให้เอกภาพชนิดต่างๆ เหมือนกับที่ไชยคุลิสลาม อิบนุ ไตยมียะฮฺ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวไว้ว่า :
การให้เอกภาพที่บรรดาเราะซูลนำมานั้น แท้ที่จริงแล้ว มันประมวลไว้ซึ่งสิ่งที่อัลลอฮ์
ได้ทรงกำหนดให้มีการเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
เพียงองค์เดียว ด้วยการปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์
เท่านั้น ดังนั้น เขาจะไม่ไปเคารพภักดีใคร จะไม่มอบหมายต่อใคร จะไม่สวามิภักดิ์ต่อใคร นอกจากพระองค์เท่านั้น จะไม่เป็นศัตรูกับใคร นอกจากในเรื่องของพระองค์เท่านั้น จะไม่ทำงานใด นอกจากเพื่อพระองค์เท่านั้น และประมวลไว้ซึ่งสิ่งที่อัลลอฮ์
ทรงกำหนดสำหรับพระองค์ จากพระนาม และลักษณะต่างๆของพระองค์




_________________________________________
(*1*) การเคารพภักดี(อิบาดะฮฺ) เหมือนกับที่ไชยคุลอิสลม อิบนุ ไตยมียะฮฺ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ ได้ให้คำนิยามไว้ว่า คือ นามที่ประมวลไว้ซึ่งทุกสิ่งที่อัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงรัก และทรงพอใจ จากคำพูด และการกระทำต่างๆ เช่น การวิงวอนร้องขอ ความกลัว ความรัก ความหวัง การบนบาน การเชือดสัตว์พลี การมอบหมาย การขอความช่วยเหลือ และอื่นจากนั้น จากการเคารพภักดีต่างๆที่จำเป็นจะต้องเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ ผุดผ่องแด่อัลลอฮ์(ซ.บ.) (ฟัตหุลมะญี๊ด ชัรหุ กิตาบิตเตาหี๊ด: หน้า:14)
(*1*) การเคารพภักดี(อิบาดะฮฺ) เหมือนกับที่ไชยคุลอิสลม อิบนุ ไตยมียะฮฺ ร่อหิมะฮุลลอฮฺ ได้ให้คำนิยามไว้ว่า คือ นามที่ประมวลไว้ซึ่งทุกสิ่งที่อัลลอฮ์(ซ.บ.)ทรงรัก และทรงพอใจ จากคำพูด และการกระทำต่างๆ เช่น การวิงวอนร้องขอ ความกลัว ความรัก ความหวัง การบนบาน การเชือดสัตว์พลี การมอบหมาย การขอความช่วยเหลือ และอื่นจากนั้น จากการเคารพภักดีต่างๆที่จำเป็นจะต้องเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ ผุดผ่องแด่อัลลอฮ์(ซ.บ.) (ฟัตหุลมะญี๊ด ชัรหุ กิตาบิตเตาหี๊ด: หน้า:14)
อัลลอฮ์




(อัลบะเกาะเราะฮฺ : 163)
สิ่งที่จะเน้นถึงเรื่องดังกล่าว คือ ดำรัสของอัลลอฮ์
ที่ว่า :




มีปรากฏในโองการต่างๆว่า บรรดาเราะซูลได้เริ่มการเรียกร้องแก่หมู่คณะของเขา ด้วยการให้เอกภาพ ด้วยคำกล่าวที่ว่า :





(อัลอะอฺร๊อฟ : 59,65,73,85 - ฮู๊ด : 50,61,61,84 )
ท่านเราะซูล
ผู้ได้รับการคัดเลือก ได้เน้นการร่วมมือของบรรดานะบีทุกท่าน ในการเรียกร้องเชิญชวนหมู่คณะไปสู่การให้เอกภาพ ด้วยคำตรัสของ อัลลอฮ์
ว่า :


"إنامعشرالأنبياء دينناواحد"
“แท้จริง เราเหล่าผู้เป็นนะบี ศาสนาของเรา เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” (ตอบปัญหาต่างๆของอิบนุ ไตยมียะฮฺ 1/357)
การให้เอกภาพ คือ การให้เอกภาพที่อัลลอฮ์
ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา เหมือนกับที่ อัลลอฮ์
ทรงตรัสว่า :





และท่านเราะซูล
กล่าวไว้ว่า อัลลอฮ์
ทรงตรัสว่า :


"إني خلقت عبادي حنفاء كلهم وإنهم أتتهم الشياطين فاجتالتهم عن دينهم ، وحرمت عليهم ماأحللت لهم"
“แท้จริง ฉันได้สร้างบรรดาบ่าวของฉันขึ้นมา เป็นผู้ที่มีความแน่วแน่ แล้วเหล่าไชยฏอนได้มายังพวกเขา แล้วพวกมันได้ดึงพวกเขาออกจากศาสนาของพวกเขา และได้ห้ามแก่พวกเขาซึ่งสิ่งที่ฉันอนุมัติแก่พวกเขา” (เศาะเหี้ยหฺมุสลิม : บทสวรรค์ :8:158,159)
และท่านได้กล่าวอีกว่า :
และท่านได้กล่าวอีกว่า :
"كل مولود يولد على الفطرة ، فأبواه يهودانه ، أوينصرانه ، أويمجسانه"
“เด็กทุกคน เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ แล้วพ่อของเขาที่จะทำให้เขาเป็นยะฮูดียฺ เป็นนัศรอนียฺ หรือเป็นมะญูซียฺ (ผู้บูชาไฟ)”(เศาะเหี้ยหุลบุคอรียฺ: บทการทำศพ:3/118. เศาะเหี้ยหฺมุสลิม บทอัลก๊อดรฺ:8/52,53)
“เด็กทุกคน เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ แล้วพ่อของเขาที่จะทำให้เขาเป็นยะฮูดียฺ เป็นนัศรอนียฺ หรือเป็นมะญูซียฺ (ผู้บูชาไฟ)”(เศาะเหี้ยหุลบุคอรียฺ: บทการทำศพ:3/118. เศาะเหี้ยหฺมุสลิม บทอัลก๊อดรฺ:8/52,53)
มนุษยชาติได้ดำเนินตามการให้เอกภาพ นับตั้งแต่นบีอาดัม
ลงมาสู่พื้นแผ่นดิน และลูกหลานก็ได้ดำเนินตามท่านรุ่นแล้วรุ่นเล่า และดำเนินตามแบบอย่างมาหลายศตวรรษ ในเศาะเฮี๊ยะบุคอรีย์ จากอิบนุ อับบาส กล่าวว่า :

" كان بين آدم و نوح عشرة قرون كلهم على الإسلام "
“ระหว่างอาดัม
กับนูห์
นั้น เป็นระยะเวลาสิบศตวรรษ ทุกคนเป็นมุสลิม” (อิบนุ กะษีร:อัลบดายะฮฺวันนิฮายะฮฺ:1/401)


หลังจากนั้น การหันเหออกจากการให้เอกภาพได้เริ่มขึ้น และการตั้งภาคีได้เข้ามามีส่วนในชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย ชัยฏอนได้มาสร้างความสับสนให้แก่ลูกหลานของอาดัม
บางกลุ่ม และดึงพวกเขาไปสู่การตั้งภาคี และเคารพภักดีต่อสิ่งอื่น นอกเหนือจากอัลลอฮ์
เนื่องจากว่ามีหมู่คณะที่ดีระหว่างอาดัม
กับนูห์
เป็นที่รู้จักในเรื่องการทำความดี และการเคารพภักดี แล้วมีอีกหมู่คณะหนึ่งมาหลังจากนั้น พวกเขาได้เจริญรอยตามในการเคารพภักดี แต่อิบลีสได้ยุยงพวกเขาว่า พวกท่านน่าจะทำรูปปั้นของคนดีขึ้นมา ซึ่งจะทำให้ท่านทั้งหลายได้รำลึกถึง และจะเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ในการเคารพภักดีให้แก่ท่าน ทุกครั้งที่มองไปยังรูปปั้น ที่พวกเขาได้ทำขึ้น หลังจากที่พวกนั้นได้ตายไป ก็มีอีกกลุ่มชนหนึ่งเกิดขึ้นมา อิบลีสจึงได้ยุยงพวกเขาว่า แท้จริง บรรดาผู้ที่มาก่อนหน้าท่านทั้งหลาย ได้ทำการเคารพสักการะต่อรูปปั้นเหล่านั้น และพวกเขาจึงได้เริ่มการเคารพสักการะต่อรูปปั้นนั้น (การตั้งภาคีในหมู่ลูกหลานของอาดัม อัชเชากานียฺ:ฟัตหุลเกาะดี้ร:5/300/ อัลอะลูซีย์ รูหุ้ลมะอานี:29:77)




อิบนุ กะษีร ร่อหิมะฮุลลอฮ์ กล่าวไว้ในการอธิบายดำรัสของพระองค์ ที่ว่า :





(อั้ลนะลฺอายะฮฺที่ 36)
คือ เราะซูลท่านหนึ่งส่งมาในทุกศตวรรษทุกหมู่ชน ซึ่งทุกคนเรียกร้องเชิญชวนไปสู่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์
และห้ามไม่ให้เคารพภักดีต่อผู้อื่น นอกเหนือจากพระองค์ และอัลลอฮ์
ยังคงส่งบรรดาเราะซูลมายังผู้คนทั้งหลาย ตั้งแต่วันที่การตั้งภาคีได้เกิดขึ้นในลูกหลานอาดัม
และในลูกหลานของนูห์
”
(ตัฟซีรอิบนุ กะษีร:4/489)




(ตัฟซีรอิบนุ กะษีร:4/489)
นูห์
เป็นเราะซูลท่านแรกที่พระองค์ได้ส่งมา ซึ่งได้เกิดการตั้งภาคีของ ลูกหลานอาดัม
จึงมีการการส่งบรรดาเราะซูล และบรรดานะบีเพื่อการตักเตือนนะบีแต่ละท่านจะถูกส่งมาในกลุ่มชนของท่าน และบางยุคได้มีการส่งนะบี และเราะซูล ลงมามากกว่าหนึ่งท่าน(*2*) เช่น มูซา และฮารูณ อะลัยฮิมัสสลาม อิบรอฮีม และลูฏ อะลัยฮิมัสสลาม จนกระทั่งนะบีท่านสุดท้าย คือ ท่านนะบีมุฮัมมัด
อิบนุ อับดุลลอฮฺ



_________________________________________
(*2*)สิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่มีการกล่าวกันในเรื่องความแตกต่างระหว่างเราะซูลกับนะบี คือ: เราะซูลนั้น คือ ผู้ที่ถูกส่งมาพร้อมกับบทบัญญัติใหม่ และคัมภีร์ถูกประทานมากับเขาด้วย ส่วนนะบี เขา คือ ผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงส่งเขามา เพื่อเรียกร้องไปสู่บทบัญญัติของผู้ที่มาก่อนหน้าเขา. ดูกิตาบุนนุบูว๊าต ของอิบน ไตยมียะฮ์:255 ตัฟซีรอัฎวาอุลบะยานของอัชชังกีฏียฺ:5/735
(*2*)สิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่มีการกล่าวกันในเรื่องความแตกต่างระหว่างเราะซูลกับนะบี คือ: เราะซูลนั้น คือ ผู้ที่ถูกส่งมาพร้อมกับบทบัญญัติใหม่ และคัมภีร์ถูกประทานมากับเขาด้วย ส่วนนะบี เขา คือ ผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงส่งเขามา เพื่อเรียกร้องไปสู่บทบัญญัติของผู้ที่มาก่อนหน้าเขา. ดูกิตาบุนนุบูว๊าต ของอิบน ไตยมียะฮ์:255 ตัฟซีรอัฎวาอุลบะยานของอัชชังกีฏียฺ:5/735
ดร.อัดุลลอฮฺ อิบนุ อับดิรเราะฮ์มาน อัลค็อรอาน